ฐานผลิตพลังงานใหม่ในประเทศจีนของเชอรี่ เป็นแหล่งผลิตรถยนต์รุ่น เจคู6( JAECOO 6) รถยนต์เอสยูวีพรีเมียมออฟโรดพลังงานไฟฟ้า100% จากแบรนด์ เจคู(JAECOO)
โรงงานใหม่มีพื้นที่มากถึง 29,000 ตารางเมตร ใช้ระบบการผลิตแบบ “Short Process” ซึ่งแตกต่างจากระบบ OEM ทั่วไป เมื่อสร้างแล้วเสร็จทุกระบบ โรงงานนี้จะสามารถผลิตรถยนต์ได้มากถึง 200,000 คันต่อปี ซึ่งขณะนี้มีการดำเนินงานไลน์การผลิต 2 ไลน์ ได้แก่สายการผลิต JAECOO 6 และ EQ7
โดยแต่ละส่วนจะประกอบไปด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีระบบการผลิตล้ำสมัยทั้งระบบ ด้วย Artificial Intelligence (AI) การใช้หุ่นยนต์และระบบควบคุมการทำงานด้วยคอมพิวเตอร์เพื่อเข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต ซึ่งได้รับการคิดค้นและพัฒนาจากศูนย์วิจัยและพัฒนาของ Chery Automobile จำนวน 5 แห่งทั่วโลก จากทีม R&D 5,000 คน
ระบบเชื่อมตัวถังอัจริยะ
ความล้ำสมัยไฮเทคของฐานการผลิต เจคู 6 เริ่มด้วยระบบการเชื่อม ซึ่งการเชื่อมจะผสานการทำงานร่วมกันทั้งหมด 8 ระบบด้วยกันเช่นระบบ MIG ซึ่งเป็นระบบหลักรวมถึง Automatic Arc และการเชื่อมด้วยเลเซอร์ เป็นต้น ในสายการผลิตนี้มีการใช้หุ่นยนต์ 150 ชุดคิดเป็นประมาณ 90% ของสายงานการผลิตทั้งหมด สำหรับตัวถังของรถรุ่นเจคู6 เป็นวัสดุอลูมิเนียม ซึ่งวัสดุนี้นิยมใช้เป็นวัสดุหลักในการประกอบตัวถังของรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำ จะต้องอาศัยเทคนิคสำหรับการเชื่อมตัวถังอลูมิเนียมโดยเฉพาะ การผลิตอัตโนมัตินี้จะทำให้ผู้ขับขี่สามารถมั่นใจในความปลอดภัยได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ นอกจากนี้อลูมิเนียมยังช่วยเพิ่มอัตราการผลิตและลดต้นทุนมากขึ้น ด้วยคุณภาพไม่แตกต่างจากตัวถังเหล็ก ในขณะเดียวกันทางโรงงานมีการควมคุมคุณภาพ ผ่านระบบออนไลน์เพื่อตรวจสอบคุณภาพของงานเชื่อม และคุณภาพของขนาดของตัวถังรถยนต์ เพื่อสร้างความมั่นใจว่าตัวถังรถแบบอลูมิเนียมนี้ มีคุณภาพทัดเทียมกับตัวถังเหล็กกล้า
สายพานการผลิต
สำหรับสายพานการผลิต Rear Floor มีทั้งหมด 8 สถานี ประกอบกับสายพานการผลิตพื้น (Floor Assembly) และสายพานการเชื่อมหลักรวมกัน 20 สถานี โดยเน้นการเชื่อมอาร์ก MIG และสถานีตรวจสอบรอยเชื่อมอัตโนมัติและการวัดขนาดอัตโนมัติ การวางแผนสร้างโรงงานอัจฉริยะสำหรับเฟส 4 ของสายงานผลิตนี้ สร้างขึ้นจากกลยุทธ์ทางธุรกิจของบริษัท ที่โฟกัสการสร้างสิ่งใหม่ ๆ เพื่อเดินหน้าสู่ Digital Transformation นอกจากนี้ ระบบการเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลของโรงงาน สามารถเก็บข้อมูลจากสายงานการผลิตได้อย่างละเอียด ทำให้สามารถตรวจสอบความผิดปกติของการผลิตได้อย่างทันท่วงที
ไลน์ประกอบตัวถัง
สถานีการประกอบตัวถัง(Body assembly) มีความสามารถในการผลิต 40 ยูนิตต่อชั่วโมง และหากแผนการขยายการผลิตในอนาคตพร้อมเสร็จ จะสามารถรองรับการผลิต 200,000 ยูนิตต่อปี ในส่วนนี้มาพร้อมระบบหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์อันล้ำสมัยบนพื้นที่ 39,000 ตารางเมตรมีจุดผลิต 83 สเตชั่น สำหรับการผลิต JAECOO 6 และ EQ7
ประกอบด้วย
1.สถานีเทคโนโลยีการจัดการแรงบิด (Torque Management) ผ่านระบบการจัดการข้อมูลแบบเรียลไทม์ 100% เต็มไปด้วยแนวคิดการออกแบบที่ชาญฉลาดและประสิทธิภาพสูง และอัดแน่นไปด้วย
(1) ระบบวิเคราะห์ข้อมูลอัจฉริยะ ลดข้อผิดพลาดของข้อมูล จำแนกและวิเคราะห์ปัญหาด้านคุณภาพ แจ้งเตือนล่วงหน้า ควบคุมการไหลออก เพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่ และปรับปรุงคุณภาพผลิตภัณฑ์
(2) ระบบเครือข่ายการเชื่อมต่อของผลิตภัณฑ์ สายพานการผลิต อุปกรณ์และเครือข่าย IOT มาตรฐานในการทำสเปกรถยนต์
(3) ระบบขันยึดที่มีประสิทธิภาพสูง ผ่านเครื่อง Tightening Machine พร้อมระบบการจัดการข้อมูลการผลิต กว่า 86 เครื่อง ซึ่งจะช่วยควบคุมแรงบิดของรถยนต์ได้มากขึ้นกว่า 94% ทำให้ผู้ขับขี่มั่นใจอย่างเต็มที่ถึงความแม่นยำในการขันแรงบิดของรถยนต์
2.สถานีหุ่นยนต์ประกอบแชสซีอัจฉริยะ(Intelligent robot operation)
คุณภาพระบบการประกอบแชสซีอัตโนมัติ ที่สามารถควบคุมให้เป็นไปตามมาตรฐานและน่าเชื่อถือ มาพร้อมประสิทธิภาพสูง ที่สามารถใช้เวลาเพียง 78 วินาที ในการประกอบที่แม่นยำในสถานีนี้ เพิ่มความเร็วและลดการใช้แรงงานลงได้
3.สถานีประกอบกระจกรถยนต์อัจฉริยะ (Windshield glass intelligent assembly station)
ชุดกระจกบังลมด้านหน้าและด้านหลังใช้โซลูชันที่ครบวงจรในอุตสาหกรรม ด้วยหุ่นยนต์ในการประกอบอัตโนมัติที่มีความแม่นยำสูง จำนวน 9 ตัว ประกอบด้วย ระบบเคลื่อนย้ายอัตโนมัติ ระบบทำความสะอาดกระจก ระบบพ่นสีรองพื้นกระจกอัตโนมัติ ระบบติดกาว และระบบประกอบอัตโนมัติ ที่มีความแม่นยำในระดับ 0.05 มิลลิเมตร สามารถประกอบได้สูงสุด 60 คันต่อชั่วโมง พร้อมกันหลายรุ่นในไลน์ผลิตเดียวกัน ด้วยคุณภาพสูงที่เสถียร พร้อมเทคโนโลยีการถ่ายภาพ ประมวลผลภาพ 3 มิติ และระบบอัลกอริธึมวิเคราะห์คุณภาพการประกอบแบบเรียลไทม์ เพื่อตรวจหาตำหนิจากการเคลือบ ซึ่งสามารถรับประกันประสิทธิภาพ และความสม่ำเสมอของผลิตภัณฑ์ได้แม่นยำ
4.สถานีตรวจสอบคุณภาพลักษณะรถยนต์ภายนอกด้วยระบบ 5G+AI (Visual detection)
ใช้ระบบอัจฉริยะตรวจสอบด้วยภาพ AI อัตโนมัติเต็มรูปแบบแทนการวัดด้วยสายตาและการวัดด้วยตนเอง ซึ่งมีประสิทธิภาพสูง เนื่องจากใช้เวลาเพียง 90 วินาที ในการตรวจสอบช่องว่าง 20 ช่อง และ 45 จุดที่ต้องตรวจจับ เพิ่มความรวดเร็วและลดการใช้แรงงาน และสำหรับความแม่นยำเรื่องข้อผิดพลาด มีระบบตรวจจับป้องกันข้อผิดพลาดด้วยการมองเห็นจากภาพ AIของรถยนต์ และจะตรวจจับชิ้นส่วนที่เสี่ยงต่อข้อผิดพลาด 45 ชิ้นของรถแบบอัตโนมัติ ซึ่งจะต้องตรงตามค่าลักษณะที่กำหนด 100% เท่านั้น
นอกจากนี้ ยังมีการตรวจสอบคุณภาพผลิตภัณฑ์ ด้วยการทดสอบการรั่วซึม(Rain Test) การจัดตำแหน่งของล้อทั้ง 4 การทดสอบการปรับแสง การทดสอบการปรับกล้อง และอื่น ๆ อีกมากมาย และสำหรับการตรวจสอบยางล้อรถยนต์ ด้วยหุ่นยนต์ จำนวน 4 ตัว ในการตรวจจับและแจ้งเตือนลักษณะและช่องว่างบนพื้นผิวที่แตกต่างของรถยนต์อัตโนมัติ ผ่านเครื่องสแกนที่มีความแม่นยำสูง สามารถตรวจสอบและแสดงผลโดยอัตโนมัติ เพื่อให้มั่นใจถึงคุณภาพลักษณะภายนอกของรถยนต์ โดยเทคโนโลยีนี้ทำให้แบรนด์ JAECOO เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมนี้
ที่มา:โอโมดา แอนด์ เจคู ประเทศไทย