
ณ งานเจนีวามอเตอร์โชว์สัปดาห์นี้ นาย Luca de Meo ซีอีโอของ Renault กล่าวว่าขณะนี้ทางแบรนด์กำลังเจรจากับพันธมิตรที่สำคัญเพื่อผลิตรถยนต์ EV ราคาถูก Twingo ที่มีกำหนดเปิดตัวช่วงต้นปี 2026 เพื่อควบคุมต้นทุน โดยตั้งเป้าจำหน่ายที่ 20,000 ยูโร
นาย de Meo กล่าวว่า Renault กำลังหารือกับ Volkswagen เพื่อเป็นพันธมิตรในโครงการ Twingo แชร์แพลตฟอร์มการผลิตร่วมกัน ซึ่งก็เป็นไปในทิศทางเดียวกับ VW ที่ต้องการจะเปิดตัว e-Up! รถซิตี้แฮทช์แบ็กราคาถูกเช่นเดียวกัน
Twingo คือรถยนต์ต้นแบบแนวคลาสสิคที่ได้แรงบันดาลใจมากจากรถยุคก่อน ในเบื้องต้นจะใช้สถาปัตยกรรม AmpR Small platform สำหรับรถยนต์ EV ขนาดเล็กในการผลิต แบบเดียวกับ RENAULT 5 E-TECH ที่เปิดเผยในงานมอเตอร์โชครั้งนี้ และจะใช้แบตเตอรี่ลิเธียมเหล็กฟอสเฟต (LFP) เป็นหนึ่งในวิธีลดต้นทุนของบริษัทในการผลิต นอกเหนือจากวิธีอื่นๆ ที่ก็ได้ตั้งเป้าหมายลดต้นทุนการผลิตลง 40% เช่น การตัด Part บางส่วนออก การย่นเวลาการผลิตให้สั้นลง เพิ่มความรวดเร็วในขายสู่ตลาด และใช้ใส้ในแบตเตอรี่ที่มีราคาถูก
นาย de Meo ได้กล่าวเสริมว่า กระบวนการลดต้นทุนในการผลิต Twingo เราจะนำปรับไปใช้กับกระบวนการผลิตรถคันอื่นในบริษัทด้วย ได้แก่ RENAULT 4 และ RENAULT 5 นอกจากนี้ CEO ยังได้กล่าวใจความสำคัญคือ "I don’t have any time to waste" และ “ไม่มีใครสามารถผลิตรถยนต์ขนาดเล็กให้มีกำไรได้”
**ก่อนที่จะรับบทบาท CEO ในปัจจุบันของ Renault นาย de Meo เคยทำให้ Fiat 500 ประสบความสำเร็จอย่างมหาศาล
Volkswagen เองก็มีแผนที่จะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าราคาถูกเช่นกัน ภายใต้คอนเซ็ปต์รถต้นแบบ ID.2all ในปี 2025 เป้าหมายเดียวกันกับ Renault Twingo โดย VW ก็ได้ตั้งราคาเป้าหมายไว้ที่ 20,000 ยูโร เช่นกัน
แม้ว่าความร่วมมือระหว่างผู้ผลิตด้วยกันไม่ใช่เรื่องใหม่ในยุโรป โดยเฉพาะวงการอุตสาหกรรมรถยนต์ ความร่วมมือดังกล่าวมีความจำเป็นเพื่อการบรรลุเป้าหมายต่างๆในปัจจุบัน เนื่องจากกฎระเบียบด้านการปล่อยมลพิษที่เข้มงวด ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์ต่างก็ต้องผลักดันตัวเองอยู่เสมอๆ
ปัจจุบันแบรนด์รถยนต์รายใหญ่ในยุโรปต่างก็พยายามอย่างหนักเพื่อที่จะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าราคาถูกออกมาสู้กับรถยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีน อย่างเช่น เมื่อเร็วๆนี้ Stellantis ได้เปิดตัว Citroen e-C3 ที่มีราคาต่ำกว่า 25,000 ยูโรลงมาสู้ศึกแล้ว ซึ่งหลังจากนี้ก็จะทยอยซอยรุ่นย่อยลงมา เพื่อให้บรรลุเป้าหมายราคาที่ต่ำกว่า 20,000 ยูโร