
Avatr ได้เปิดตัวรุ่นตกแต่งพิเศษอย่างเป็นทางการที่เน้นสมรรถนะ Avatr 11 Dark Knight edition โดยตัวรถมาพร้อมภายนอกสีเทาด้าน และภายในที่ตกแต่งด้วยสีแดงเบอร์กันดี นอกจากนี้ยังมีตัวเลือกสีเพิ่มเติม ได้แก่ ภายนอกสีดำ Brilliant Black และภายในสีม่วงหรือสีขาว Smoke White ติดตั้งช่วงล่างสมรรถนะสูงจาก KONI ซึ่งเป็นระบบเดียวกับที่ใช้ในรถ Maserati Ghibli, Lamborghini Gallardo และ Ferrari Portofino โดยช่วงล่างนี้มาพร้อมเทคโนโลยีระบบควบคุมแรงหน่วงแบบปรับได้กว้าง โดยสามารถปรับค่าความหน่วงได้ในช่วงตั้งแต่ -15% ถึง 50% รองรับการปรับความเร็วได้ถึง 20 ระดับ
สำหรับรุ่นพื้นฐาน Avatr ก็ได้มีการปรับโฉม โดยมาพร้อมกับรุ่นย่อยใหม่ทั้งหมด 5 รุ่น ครอบคลุมทั้งขุมพลัง REEV และ BEV ได้แก่
- Max REEV Edition
- Max EV Edition
- Ultra EV Edition AWD
- Black Knight
- Royal Edition
รุ่น Max ซึ่งมีให้เลือกทั้งแบบขยายระยะทางและระบบไฟฟ้าล้วน มาพร้อมอุปกรณ์มาตรฐานระดับพรีเมียม เช่น ระบบเครื่องเสียง Bowers & Wilkins, สปอยเลอร์หลังแบบแอคทีฟ, ประตูดูดไฟฟ้า, เบาะคู่หน้าแบบ zero-gravity, และเบาะหลังที่มีฟังก์ชันระบายอากาศ ทำความร้อน และนวดในตัว
Avatr 11 Max ขุมพลัง REEV ใช้ระบบ Kunlun ระยะทางวิ่งด้วยไฟฟ้า 225 กิโลเมตร มาตรฐาน CLTC และระยะทางรวมทั้งหมดสูงสุดถึง 1,065 กิโลเมตร มาตรฐาน CLTC
Avatr 11 Max รุ่น BEV ถูกพัฒนาบนแพลตฟอร์มซิลิคอนคาร์ไบด์ 800V มาพร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมขนาด 116kWh จาก CATL ระยะทางวิ่งด้วยไฟฟ้า 815 กิโลเมตร มาตรฐาน CLTC และสามารถชาร์จไฟจาก 30% ถึง 80% ได้ภายในเวลาเพียง 25 นาที
ทุกรุ่นย่อยของ Avatr 11 มาพร้อมระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะจาก Huawei ที่ใช้ LiDAR ถึง 3 ตัว และทำงานร่วมกับระบบขับขี่อัจฉริยะของ Huawei Qiankun ADS ซึ่งช่วยให้สามารถใช้งานฟีเจอร์ขั้นสูงได้ เช่น ระบบนำทางอัตโนมัติแบบจุดต่อจุด และระบบจอดรถอัตโนมัติ