CEO ของ Stellantis ต้องการลดน้ำหนักแบตเตอรี่ EV ลงครึ่งหนึ่ง
Carlos Tavares ประธานบริหารของ Stellantis ได้ออกมาอธิบายถึงความจำเป็นสำหรับการลดน้ำหนักของแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าลงครึ่งหนึ่งเพื่อทำให้มันมีประสิทธิภาพและมีเสถียรภาพ และเพื่อให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยแก้ปัญหาขาดแคลนลิเธียมในการผลิตแบตเตอรี่ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่กำลังเข้าสู่ยุคของ EV อย่างเต็มตัว
โดยนาย Carlos Tavares คิดว่าแบรนด์รถยนต์ค่ายต่าง ๆ จะสามารถลดน้ำหนักแบตเตอรี่ได้ครึ่งหนึ่งในอีก 10 ปีข้างหน้า เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบันยังจำเป็นต้องพึ่งพาวัตถุดิบพิเศษมากกว่ารถยนต์ ICE ทั่วไปซึ่งทำให้มันมีน้ำหนักมากกว่ารถทั่วไปอยู่ถึง 450+ กิโลกรัม เลยทีเดียว (แม้นาย Tavares ไม่ได้ระบุอย่างชัดเจนว่าจะลดน้ำหนักของชุดแบตเตอรี่ลงได้อย่างไร)
“จากมุมมองด้านสิ่งแวดล้อม … ฉันไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล ที่มีแบตเตอรี่หนักขนาดนี้บรรจุอยู่ในรถ”
“ ฉันคิดว่าในอีก 10 ปี ข้างหน้าเราจะสามารถลดน้ำหนักชุดแบตเตอรี่ลงได้ 50% ซึ่งจะเป็นการลดการใช้วัตถุดิบเพิ่มเติมเมื่อเทียบกับรถยนต์ทั่วไปลง 50%” นาย Carlos Tavares กล่าว
ที่ฟอรัม Freedom of Mobility Forum ของ Stellantis เหล่าผู้บริหารระดับสูงของกลุ่มยานยนต์ Carlos Tavares ได้กล่าวถึงการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบัน (ที่มีระยะพิสัยการขับขี่ 250 ไมล์หรือ 400 กิโลเมตรขึ้นไป) จำเป็นต้องใช้วัสดุในการผลิตเพิ่มเติมที่มีน้ำหนักถึง 500 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับรถยนต์เชื้อเพลิงในเครื่องยนต์ (ICE) ในปัจจุบัน
โดยภายในเวลานี้กลุ่ม Stellantis ก็กำลังมุ่งเน้นการพัฒนาแบตเตอรี่ให้มีขนาดเล็กลง บริษัทหวังว่ายอดขาย 100% ในยุโรปทั้งหมดภายในสิ้นทศวรรษนี้จะเป็นยอดสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมด และคาดการณ์ว่าสหรัฐอเมริกาจะสามารถทำยอดขายรถยนต์ BEV ได้ถึง 50% เมื่อเทียบกับจำนวนรถทั้งหมดที่จำหน่ายในปีนี้ นอกจากนี้ Stellantis ยังตั้งเป้าที่จะขายรถยนต์ BEV ให้ได้ 5 ล้านคันต่อปีภายในปี 2030 และจะเปิดตัวรถยนต์ BEV มากกว่า 75 คันภายในสิ้นทศวรรษนี้
นอกจากนี้ยังมีแผนพัฒนาแพลตฟอร์มรถยนต์ EV หลากหลายขนาดเพื่อรองรับรถยนต์ไฟฟ้าตามระยะทางในอนาคตระหว่าง 500-800 กม. (300-500 ไมล์) โดย Stellantis กำลังทำงานกับโมดูลขับเคลื่อนไฟฟ้า โครงสร้างของเซลล์แบตเตอรี่ และระบบขับเคลื่อนหน้า-หลัง และขับเคลื่อนสี่ล้อเพื่อพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว โดยกำลังมองเห็นว่า EV จะเป็นส่วนใหญ่ของยอดขายในอนาคต โดยเฉพาะในตลาดยุโรปและสหรัฐอเมริกา