 
                        
สำหรับปีงบประมาณสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2025 ยอดขายรถจักรยานยนต์ของฮอนด้าทั่วโลกอยู่ที่ 20.57 ล้านคัน คิดเป็นประมาณ 40% ของตลาดรถจักรยานยนต์ทั่วโลก และเป็นสถิติยอดขายสูงสุดในปีงบประมาณใน 37 ประเทศและเขตปกครองต่าง ๆ นอกจากนี้ ความต้องการรถจักรยานยนต์ทั่วโลกยังคาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศ Global South ซึ่งรวมถึงอินเดีย ซึ่งเป็นตลาดรถจักรยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่มีทั้งจำนวนประชากรและรายได้เฉลี่ยที่เพิ่มสูงขึ้น โดยยอดขายรวมของอุตสาหกรรมคาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากระดับปัจจุบันที่ 50 ล้านคัน ไปสู่ระดับ 60 ล้านคันภายในปี 2030

เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น ฮอนด้าจะนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลายและตอบโจทย์ลูกค้าในแต่ละภูมิภาคทั่วโลก พร้อมทั้งปรับปรุงระบบการจัดหาผลิตภัณฑ์ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ฮอนด้าจะเร่งเดินหน้าสู่การใช้พลังงานไฟฟ้าสำหรับผลิตภัณฑ์รถจักรยานยนต์ พร้อมกับพัฒนาเครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) ให้ประหยัดน้ำมันมากยิ่งขึ้น และขยายไลน์อัปของรุ่นที่รองรับเชื้อเพลิงทางเลือก (Flex-Fuel) สำหรับรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ฮอนด้าเริ่มวางจำหน่าย Active e: และ QC1 ในเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ ซึ่งทั้งสองรุ่นถูกเปิดตัวครั้งแรกในอินเดียเมื่อปีที่แล้ว นอกจากนี้ รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าระดับโลกในกลุ่มคอมมิวเตอร์อย่าง CUV e: และ ICON e: ก็ได้เริ่มวางจำหน่ายแล้วในอินโดนีเซีย ตามด้วยเวียดนาม ไทย และฟิลิปปินส์ โดย CUV e: ยังมีแผนจะวางจำหน่ายในยุโรปและญี่ปุ่นภายในปีนี้อีกด้วย

ในอนาคต ฮอนด้าจะดำเนินการพัฒนารถจักรยานยนต์ไฟฟ้าเฉพาะทางในรูปแบบโมดูลาร์ และจะเริ่มการผลิตที่โรงงานผลิตรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าแห่งใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูง ซึ่งมีกำหนดเริ่มดำเนินงานในอินเดียภายในปี 2028 ฮอนด้ามีเป้าหมายที่จะนำเสนอรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าในราคาที่เข้าถึงได้มากขึ้นแก่ผู้บริโภคจำนวนมากขึ้น และในระยะยาว ฮอนด้าจะมุ่งมั่นครองส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 ในตลาดรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าเช่นกัน ด้วยแนวทางเช่นนี้ การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่น่าดึงดูดอย่างต่อเนื่อง และการสร้างระบบซัพพลายที่มีประสิทธิภาพทั้งในรุ่นเครื่องยนต์ ICE และรุ่นไฟฟ้า ฮอนด้าจะสามารถตอบสนองต่อความต้องการรถจักรยานยนต์ที่เพิ่มขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งในระยะยาว ธุรกิจรถจักรยานยนต์ของฮอนด้า ทั้งในรุ่น ICE และรุ่นไฟฟ้า จะสามารถสร้างฐานกำไรที่มั่นคง โดยตั้งเป้าครองส่วนแบ่งตลาดทั่วโลกที่ 50% และมีอัตรากำไรจากการดำเนินงาน (ROS) มากกว่า 15% ภายในปีงบประมาณ 2031 (สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2031)

 
                     
                                                     
                                                     
                                                     
                                                     
                             
                             
                             
                             
                             
                             
                             
                             
                             
                             
                             
                             
                                                         
                                                         
                                                         
                                                         
                                                             
                                                             
                                                             
                                                             
                                                             
                                                             
                                                            