Mazda เปิดตัว SUV เรือธงรุ่นใหม่ CX-80 ในยุโรปแล้ว เป็นรถ 3 แถวพร้อมที่นั่ง 6 หรือ 7 ที่นั่ง มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์ดีเซลไมลด์ไฮบริดและเบนซินปลั๊กอินไฮบริด (PHEV)
Mazda เปิดตัว CX-80 เรือธงรุ่นใหม่ในตลาดต่าง ๆ เช่น ยุโรป ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย ใช้แผงตัวถังร่วมกับ CX-60 รวมถึงส่วนหน้าทั้งหมดด้วย แต่อย่างไรก็ตาม CX-80 จะมีฐานล้อที่ยาวและส่วนยื่นด้านหลังที่ยาว ทำให้มีความคล้ายคลึงกับ CX-70 และ CX-90 ที่ใหญ่กว่าเล็กน้อย ในอเมริกาเหนือ
ขุมพลัง
ในยุโรป CX-80 มีตัวเลือกระบบส่งกำลังแบบ M-Hybrid Boost 48V และ PHEV ที่ใช้ร่วมกับ CX-60 เนื่องจากทั้งสองรุ่นผลิตในสถาปัตยกรรมเดียวกัน
- รุ่นเริ่มต้น e-Skyactiv D มาพร้อมกับเครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบขนาด 3.3 ลิตรให้กำลัง 254 แรงม้า ps (187 กิโลวัตต์) และแรงบิด 550 นิวตันเมตร เป็นเครื่องยนต์ระบบไมลด์ไฮบริด M-Hybrid Boost 48V ของ Mazda ส่งกำลังไปยังล้อทั้ง 4 ผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด
- รุ่น e-Skyactiv PHEV ที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ประกอบด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.5 ลิตร และมอเตอร์ไฟฟ้า บรรจุชุดแบตเตอรี่ขนาด 17.8 kW/h วิ่งได้ระยะทางสูงสุด 60 กม. เมื่อใช้ระบบไฟฟ้าอย่างเดียว ให้กำลังรวม 327 แรงม้า ps (241 กิโลวัตต์) และแรงบิด 500 นิวตันเมตร สามารถเร่งความเร็ว 0-100 กม./ชม. ได้ใน 6.8 วินาที
มิติตัวถัง
Mazda CX-80 ใหม่ มีความยาวเกือบ 5,000 มม. โดยมีระยะฐานล้อมากกว่า 3,000 มม. > เมื่อเทียบกับความยาว 4,745 มม. และระยะฐานล้อ 2,870 มม. ของ CX-60 ซึ่งจะมีลำตัวแคบกว่า CX-70 และ CX-90 SUV ในอเมริกาเหนือเล็กน้อย
ภายนอก
หน้าตาของ CX-80 โดดเด่นด้วยประตูด้านหลังที่ยาวเด่นและเรือนกระจกเฉพาะรุ่นที่มีโครเมียมหนากว่าบนหน้าต่างด้านหลัง ไฟท้ายเป็นแบบเดียวกับ CX-60 แต่มีการออกแบบแผงด้านหลังใหม่และประตูท้ายตั้งตรงมากขึ้น
ภายใน
CX-80 มีให้เลือกใช้งานภายในห้องโดยสาร 3 แถว แบบ 6 หรือ 7 คน แถวที่ 2 สามารถกำหนดที่นั่งแบบมาตรฐาน 3 ที่นั่งหรือเก้าอี้กัปตัน 2 ตัวรวมกับคอนโซลกลางหรือแบบเดินผ่านไปยังแถวที่ 3 ได้ > เบาะนั่ง 2 ที่นั่งของแถวที่ 3 ก็สามารถพับให้แบนราบได้ ขยายพื้นที่เก็บสัมภาระเมื่อไม่ได้ใช้งาน
แผงหน้าปัดเรียกได้ว่ายกมาจาก CX-60 ใช้วัสดุระดับพรีเมี่ยมและจอแสดงผลอินโฟเทนเมนต์รุ่นล่าสุดของ Mazda นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้แก่ ระบบควบคุมด้วยเสียงของ Alexa, "การนำทางแบบ hybrid navigation" ที่ผสมผสานข้อดีของบริการออฟไลน์และออนไลน์เข้าด้วยกัน และระบบ Trailer Hitch View (ไว้ช่วยให้ผู้ขับมองเห็นตำแหน่งของหัวต่อ) โมเดลดังกล่าวได้รับชุด i-Activsense ADAS เต็มรูปแบบ โดย Mazda ตั้งเป้าหมายคะแนน Euro NCAP ไว้ที่ 5 ดาว
Credit: Carscoops