
โตโยต้า ออสเตรเลียระบุว่าเครื่องยนต์ดีเซลยังคงมีอนาคตต่อไปอีกประมาณ 10 ปี ก่อนที่จะถูกแทนที่ด้วยเทคโนโลยีไฮโดรเจนและเบนซินในระยะยาว
Sean Hanley รองประธานฝ่ายขาย การตลาด และการดำเนินงานแฟรนไชส์ของบริษัทกล่าวกับสื่อว่า “ดีเซลจะยังไม่หายไปในทศวรรษหน้า แต่หลังจากนั้น ผมเชื่อว่าไฮโดรเจนจะเข้ามาแทนที่” พร้อมเสริมว่าถึงแม้เชื้อเพลิงดีเซลยังเป็นที่นิยมในออสเตรเลีย แต่ในอนาคตเขาไม่เห็นว่าดีเซลจะยังเป็นเชื้อเพลิงสำคัญ เพราะรถเบนซินสามารถทำได้ทุกอย่างเหมือนกันแถมมากกว่าดีเซลด้วย
ยอดขายสูงสุดของโตโยต้าในปี 2023 คือ HiLux ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลเป็นหลัก แต่ในปี 2024 ถูกแซงโดย RAV4 ซึ่งทำตลาดเฉพาะรุ่นไฮบริด โตโยต้ายังประกาศเปิดตัว RAV4 รุ่นใหม่แบบปลั๊กอินไฮบริดในปี 2026 ควบคู่กับ LandCruiser 300 Series ไฮบริดที่จะมาแทนรุ่นดีเซลปัจจุบัน ทั้งนี้ ในปี 2024 โตโยต้าออสเตรเลียได้เปลี่ยนรถนั่งและ SUV เกือบทุกรุ่นให้ขายเฉพาะไฮบริด เหลือเพียงรถเบนซินเพียวในตระกูล GR ส่วนรถเพื่อการพาณิชย์และออฟโรดยังคงใช้ดีเซลอยู่
ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงสิ้นเดือนสิงหาคม 2025 โตโยต้าขายรถในออสเตรเลียได้ 163,491 คัน โดยเป็นดีเซล 79,132 คัน คิดเป็น 48.4% ครอบคลุมรุ่น HiLux, LandCruiser, Prado, Coaster, Fortuner, Granvia และ HiAce Hanley กล่าวว่ายังมีความจำเป็นที่เครื่องยนต์ดีเซลและเบนซินเทอร์โบชาร์จจะถูกใช้งานต่อไปในบางรูปแบบ แต่ในระยะยาว โดยเฉพาะหลังปี 2035 เขาเชื่อว่ารถไฮโดรเจนจะเข้ามาแทนที่ดีเซลอย่างจริงจัง เพราะไฮโดรเจนสะอาด มีระยะทางเพียงพอ และโครงสร้างพื้นฐานจะดีกว่าที่เป็นอยู่มาก รวมถึงมีต้นทุนที่เข้าถึงได้
โตโยต้าเป็นหนึ่งในผู้นำด้านไฮโดรเจนในออสเตรเลีย ควบคู่กับ Hyundai โดยนำ Mirai เข้ามาตั้งแต่ปี 2020 แม้จะไม่ได้จำหน่ายให้กับสาธารณะทั่วไป บริษัทยังได้ผลิต HiLux FCEV จำนวน 10 คันเพื่อทดสอบในสหราชอาณาจักรเมื่อปี 2024 และพัฒนา HiAce ไฮโดรเจนต้นแบบให้สื่อออสเตรเลียได้ทดสอบในปี 2023 แต่ยังไม่มีการผลิตเชิงพาณิชย์ Hanley ยอมรับว่าปัจจุบันไฮโดรเจนถูกมองข้าม แต่เขามองว่าออสเตรเลียมีทรัพยากรไฮโดรเจนมหาศาลและนี่คือโอกาสที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำในด้านนี้ พร้อมย้ำว่าการลงทุนในไฮโดรเจนไม่ใช่เรื่องระยะสั้น แต่เป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคต
ที่มา: CarExpert