นิสสัน มอเตอร์ จำกัด ประกาศผลประกอบการ 6 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2025 พร้อมคาดการณ์แนวโน้มทั้งปี โดยระบุว่าบริษัทจะสามารถรักษาจุดคุ้มทุนของกำไรจากการดำเนินงาน (Operating Profit Breakeven) ได้ หากไม่รวมผลกระทบจากภาษีศุลกากร
ในช่วงครึ่งปีแรก นิสสันมียอดขายทั่วโลก 1.48 ล้านคัน มีรายได้รวม 5.6 ล้านล้านเยน (ราว 1.17 ล้านล้านบาท) แต่ขาดทุนจากการดำเนินงาน 27,700 ล้านเยน (ราว 5,800 ล้านบาท) และขาดทุนสุทธิ 2.21 แสนล้านเยน (ราว 46,000 ล้านบาท) ซึ่งสาเหตุหลักมาจากรายได้ลดลงจากบริษัทร่วม (Equity-method Companies) การด้อยค่าทรัพย์สิน และค่าใช้จ่ายในการปรับโครงสร้างองค์กร
อย่างไรก็ตาม นิสสันยังคงมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง โดยมีสภาพคล่องรวม 3.6 ล้านล้านเยน (ราว 7.58 แสนล้านบาท) รวมถึงเงินสดในมือ 2.2 ล้านล้านเยน (ราว 4.63 แสนล้านบาท) ณ สิ้นเดือนกันยายน

สำหรับทั้งปีงบประมาณ 2025 นิสสันคาดว่ารายได้รวมจะอยู่ที่ 11.7 ล้านล้านเยน (ราว 2.4 ล้านล้านบาท) ขาดทุนจากการดำเนินงาน 2.75 แสนล้านเยน (ราว 57,000 ล้านบาท) สำหรับรายได้สุทธิยังไม่ได้มีการเปิดเผยตัวเลข

ยอดขายตลอดทั้งปีงบประมาณ 2025 นิสสันคาดการณ์เอาไว้ว่าจะอยู่ที่ 3.25 ล้านคันทั่วโลก ลดลง 2.9% เมื่อเทียบกับปีงบประมาณ 2024 โดยตลาดที่ใหญ่ที่สุดจะเป็นตลาดอเมริกาเหนือจำนวนกว่า 1.3 ล้านคัน

นิสสันได้อัปเดตความคืบหน้าของแผน Re:Nissan โดยยืนยันความมุ่งมั่นที่จะกลับมาทำกำไรจากการดำเนินงานในธุรกิจยานยนต์และสร้างกระแสเงินสดอิสระ (Free Cash Flow) เป็นบวกภายในปีงบประมาณ 2026
บริษัทได้ระบุโอกาสในการลดต้นทุนผันแปรรวมมูลค่า 200,000 ล้านเยน ซึ่งเกิดจาก “ไอเดียนวัตกรรมหลายพันรายการ” ที่กำลังเปลี่ยนจากแนวคิดสู่การปฏิบัติจริง เพื่อสร้างการประหยัดต้นทุนอย่างยั่งยืนโดยไม่กระทบต่อคุณภาพ ความปลอดภัย หรือสมรรถนะของรถยนต์
ในด้านต้นทุนคงที่ การลดค่าใช้จ่ายดำเนินไปอย่างรวดเร็ว โดยนิสสันสามารถลดได้แล้วกว่า 80,000 ล้านเยนในครึ่งปีแรก และคาดว่าจะทะลุ 150,000 ล้านเยน ภายในสิ้นปีงบประมาณนี้ พร้อมมั่นใจว่าจะสามารถเกินเป้าหมาย 250,000 ล้านเยน ได้ภายในปีงบประมาณ 2026 ปัจจุบันได้ดำเนินการปรับโครงสร้างโรงงานแล้ว 6 จาก 7 แห่ง และสามารถลดต้นทุนด้านวิศวกรรมต่อชั่วโมงได้แล้ว 12% จากเป้าหมาย 20% รวมถึงลดความซับซ้อนของชิ้นส่วนได้อย่างมีนัยสำคัญ
สำหรับสินทรัพย์ที่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก บริษัทได้ปรับโครงสร้างใหม่ รวมถึงการขายและเช่าคืนสำนักงานใหญ่ในเมืองโยโกฮามา โดยทำสัญญาเช่าระยะเวลา 20 ปี เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่กระทบต่อการดำเนินงานหรือพนักงาน และยังคงยืนยันความมุ่งมั่นระยะยาวต่อเมืองโยโกฮามา รายได้จากการขายจะถูกนำไปลงทุนเพื่อปรับปรุงสถานที่และสนับสนุนการเติบโตในอนาคตภายใต้แผน Re:Nissan
ขณะนี้นิสสันกำลังเดินหน้าเข้าสู่ “ระยะถัดไป” ของแผนฟื้นฟู โดยมุ่งเน้นการกำหนดกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์และตลาดใหม่ พร้อมเสริมสร้างความร่วมมือทางธุรกิจ โดยได้รับแรงหนุนจากการตอบรับเชิงบวกต่อรถรุ่นใหม่อย่าง LEAF และ Roox พร้อมแผนเปิดตัวรถรุ่นใหม่เพิ่มเติมต่อเนื่องจนถึงปีงบประมาณ 2027 กลยุทธ์นี้จะช่วยผลักดันนวัตกรรมและสร้างความน่าสนใจให้กับลูกค้าในตลาดหลักทั่วโลก เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืน
อีวาน เอสปิโนซา ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของนิสสัน กล่าวว่า
“ผลประกอบการครึ่งปีแรกสะท้อนถึงความท้าทายที่เรากำลังเผชิญ แต่ก็ยืนยันได้ว่านิสสันกำลังเดินบนเส้นทางแห่งการฟื้นตัว ครึ่งปีหลังจะยังมีอุปสรรคใหม่ ๆ รออยู่ แต่ด้วยความมุ่งมั่น วินัย และการดำเนินการที่เป็นรูปธรรม ผมมั่นใจว่าเราจะสร้างผลลัพธ์ที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ภายใต้แผน Re:Nissan เรากำลังเดินหน้าอย่างมั่นคงสู่อนาคต โดยให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ใหม่ ตลาดสำคัญ และเทคโนโลยีล้ำยุคที่จะนิยามบทต่อไปของนิสสัน”