
โรงงานในอินโดนีเซียของ Neta เตรียมผลิตยานยนต์ออกจากสายการผลิตเดือนหน้า
Neta บริษัทรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีนในเครือของ Hozon Auto ออกมาประกาศว่าพวกเขาเตรียมปล่อยรถยนต์คันแรกจะออกจากสายการผลิตที่โรงงานในอินโดนีเซียในวันที่ 30 เมษายนปีนี้ ผ่านบัญชี Weibo อย่างเป็นทางการ หลังจากโรงงานดังกล่าวได้รับชิ้นส่วนอุปกรณ์การผลิตชุดแรกไปเมื่อวันที่ 6 มีนาคม นับเป็นก้าวสำคัญสู่ความสำเร็จสำหรับการผลิตในท้องถิ่นของประเทศอินโดนีเซียหลังจาก Neta ประกาศแผนการผลิตในประเทศไทยไปเมื่อปีที่แล้ว
สำหรับแผนการผลิตในท้องถิ่นต่างแดนในครั้งนี้ บริษัทโดยจะดำเนินการในรูปแบบของการผลิตแบบ Knocked Down (KD) ซึ่งมีกำหนดจะเริ่มในไตรมาสที่สองของปี 2024
โดยการผลิตแบบ KD ครอบคลุมสามรูปแบบ คือ
- Completely Knocked Down (CKD)
- Semi-Knocked Down (SKD)
- Completely Built Up (CBU)
แต่ในกรณีของ Neta Auto พวกเขาจะนำเข้าชิ้นส่วนทั้งหมดโดยจัดส่งแยกกันและนำประกอบในประเทศอินโดนีเซียอีกที (CKD)
Neta เปิดตัวครั้งแรกในตลาดอินโดนีเซียเมื่อวันที่ 24 ตุลาคมปีที่แล้ว โดยเปิดตัวรุ่น Neta V แบบเดียวกับที่เปิดตัวในประเทศไทย มีราคาอยู่ที่ 379 ล้านรูปีห์อินโดนีเซีย หรือประมาณ 850,000 บาท (แพงกว่าไทย 3.5 แสนบาท) บริษัทได้จัดพิธีลงนามความร่วมมือในประเทศอินโดนีเซีย และได้ส่งมอบรถยนต์ชุดแรกให้กับลูกค้าชาวอินโดนีเซียสำเร็จในวันที่ 27 พฤศจิกายน ค.ศ. 2023
ความคืบหน้าที่เกิดขึ้นจากการมาถึงของอุปกรณ์การผลิตชุดแรกที่โรงงานในอินโดนีเซียถือเป็นก้าวสำคัญในกลยุทธ์การขยายธุรกิจในต่างประเทศของ Neta ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบริษัทสำหรับการขยายธุรกิจสู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ควบคู่ไปกับความพยายามที่จะขยายสู่ตลาดยุโรปอีกด้วย
นอกจากโรงงานในประเทศอินโดนีเซีย ไทย และยุโรปแล้ว Neta ยังมีแผนขยายธุรกิจไปยังตลาดโลกส่วนอื่น ๆ อย่างต่อเนื่อง รวมถึงตะวันออกกลาง อเมริกา และแอฟริกา เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากผู้บริโภคทั่วโลก บริษัทวางแผนที่จะขยายเครือข่ายและเพิ่มช่องทางการจำหน่ายไปทั่วโลกในปี 2567 โดยมีเป้าหมายที่จะครอบคลุม 50 ประเทศ และจัดตั้งศูนย์บริการหลังการขายในต่างประเทศ 500 แห่ง ซึ่งโปรเจคเหล่านี้จะช่วยสนับสนุนเป้าหมายของ Neta ที่ต้องการบรรลุยอดขายในต่างแดนจำนวน 100,000 คันในปีหน้าได้
การที่ Neta พยายามเร่งขยายตลาดไปทั่วโลกอย่างรวดเร็วแบบนี้ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่พวกเขามี และพร้อมที่จะเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดทั่วโลกไปอีกระดับ และเสริมความแข็งแกร่งให้กับตำแหน่งแบรนด์ของตน พร้อมรองรับผลกระทบเพื่อที่จะยืนในฐานะผู้เล่นหลักของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในอนาคต
CR. carnewschina
ithome
d1ev